การเลือกใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ ถือเป็นทางเลือกที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการ ประหยัดค่าไฟ และ การช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์นั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่ง Solar Farm และ Solar Rooftop เป็นสองแบบที่คนเลือกใช้มากที่สุด ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของแต่ละคน
Solar Farm (โซลาร์ฟาร์ม)
คือการติดตั้ง แผงโซล่าเซลล์ ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ฟาร์มหรือที่ดินว่างเปล่า เพื่อผลิตไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งเข้าสู่ระบบไฟฟ้าหรือขายให้กับการไฟฟ้า หากอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โซลาร์ฟาร์ม สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Solar Farm คืออะไร?
ข้อดี
- ผลิตพลังงานในปริมาณมาก Solar Farm เหมาะสำหรับการผลิตไฟฟ้าปริมาณสูง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหรือขายให้กับการไฟฟ้า
- ใช้ในพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ โซลาร์ฟาร์มสามารถติดตั้งบนที่ดินว่าง เช่น ฟาร์มหรือพื้นที่ชนบทที่ไม่ใช้ประโยชน์อื่น
- ประสิทธิภาพสูง ด้วยพื้นที่ที่กว้างทำให้สามารถติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ได้ในจำนวนมาก เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า
ข้อจำกัด
- ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ การติดตั้ง Solar Farm ต้องใช้พื้นที่หลายไร่ จึงไม่เหมาะกับพื้นที่ในเมืองหรือที่ดินจำกัด
- ต้นทุนสูง การติดตั้งและบำรุงรักษาระบบฟาร์มโซลาร์มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งในส่วนของที่ดินและอุปกรณ์
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาจมีผลกระทบต่อระบบนิเวศในบางพื้นที่ เช่น การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินหรือผลกระทบต่อสัตว์ป่า
Solar Rooftop (โซลาร์รูฟท็อป)
คือการติดตั้ง แผงโซลาร์เซลล์ บนหลังคาของบ้าน อาคาร หรือออฟฟิศ เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จะนำมาใช้ในบ้านหรืออาคาร และถ้ามีไฟฟ้าเหลือก็สามารถขายกลับไปยังระบบไฟฟ้าได้
ข้อดี
- ประหยัดพื้นที่ การติดตั้งบนหลังคาที่มีอยู่แล้วจะช่วยให้ไม่ต้องใช้พื้นที่ดินเพิ่มเติม เหมาะกับพื้นที่ที่มีจำกัด เช่น ในเมืองหรือบ้านที่มีพื้นที่น้อย
- ลดค่าไฟ ช่วยลดค่าไฟในบ้านหรืออาคาร โดยการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แทนการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้า
- เหมาะกับพื้นที่ที่มีจำกัด สามารถติดตั้งในเมืองหรือพื้นที่ที่มีที่ดินจำกัด เช่น บ้าน, อาคาร, หรือคอนโด
- ติดตั้งง่ายและต้นทุนต่ำกว่า การติดตั้งไม่ซับซ้อน และต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่าการติดตั้ง Solar Farm เพราะไม่ต้องลงทุนที่ดิน
ข้อจำกัด
- ผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่า พื้นที่บนหลังคามีจำกัด ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ไม่มากเท่า Solar Farm
- ต้องมีหลังคาที่แข็งแรง หลังคาต้องสามารถรองรับน้ำหนักและการติดตั้งแผงโซลาร์ได้
- ต้องพึ่งพาแสงแดด ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และแสงแดดของในแต่ละวัน
Solar Cell แบบไหนเหมาะกับคุณ?
Solar Farm เหมาะกับ
- คนที่มีพื้นที่ที่ดินขนาดใหญ่และต้องการสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่
- คนที่ต้องการผลิตไฟฟ้าในปริมาณมาก เพื่อใช้ในการค้าหรือขายให้กับการไฟฟ้า
- นักลงทุนหรือองค์กรที่มองหาการลงทุนในพลังงานสะอาด
Solar Rooftop เหมาะกับ
- เจ้าของบ้านหรืออาคารที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า
- ผู้ที่อาศัยในเมืองหรือมีพื้นที่ที่จำกัด
- คนที่สนใจพลังงานทดแทนขนาดเล็กและไม่ต้องการลงทุนในระบบขนาดใหญ่
สรุป Solar Farm และ Solar Rooftop ข้อแตกต่าง และ เหมาะกับใคร ?
ทั้ง Solar Farm และ Solar Rooftop เป็นทางเลือกที่ดีในการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่ ขนาดและการใช้งาน ถ้ามีพื้นที่ที่เยอะและต้องการพลังงานแนะนำให้ติดตั้ง โซล่าฟาร์ม แต่ถ้ามีพื้นที่จำกัดหรือเป็นเจ้าของบ้านที่อยากประหยัดค่าไฟ โซล่ารูฟท็อป ก็อาจเป็นทางเลือกที่สะดวกและง่ายกว่าทั้งนี้การเลือกประเภทที่เหมาะกับคุณก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการพลังงาน และลักษณะพื้นที่ที่มีอยู่
ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) สำหรับคำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับโครงการต่างๆที่สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย